วันเสาร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2562

ประวัติอุทรยานร.2





เนื่องจากพื้นที่เมืองสมุทรสงครามส่วนใหญ่อยู่ 2 ฟากแม่น้ำแม่กลองอันอุดมสมบูรณ์ จึงเหมาะแก่การเพาะปลูกพืชนานาชนิด ประกอบกับชาวเมือง มีความขยันขันแข็งในการประกอบอาชีพ เมืองสมุทรสงครามจึงกลายเป็นแหล่งผลิตพืชผลการเกษตรขนาดใหญ่ ในภาคกลางของประเทศไทย เช่น ข้าว น้ำตาล ผัก ปลา มาตั้งสมัยกรุงศรีอยุธยาจนถึงกรุงธนบุรี กรุงรัตนโกสินทร์ โดยเฉพาะในขณะที่ผู้คนในกรุงเทพฯ มีจำนวเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว สมุทรสงครามจึงต้องทำหน้าที่เป็น "คลังเสบียง" ของคนกรุงเทพฯ มากขึ้น อดีตพระมหากษัตริย์ไทยจึงโปรดให้มีการขุดคลองแม่กลอง คลองภาษีเจริญ คลองดำเนินสะดวก คลองมหาชัย และคลองมหาสวัสดิ์ขึ้น เพื่อให้เรือบรรทุกพืชผลผ่านเข้ามากรุงเทพฯ ได้สะดวกและรวดเร็วกว่าแต่ก่อน
ในบริเวณพื้นที่ของสมุทรสงคราม ตำบลอัมพวาดูจะมีความอุดมสมบูรณ์มากที่สุด ผู้คนมีฐานะมั่งคั่งร่ำรวยอยู่เป็นจำนวนมาก และยังเป็นถิ่นที่มีความสำคัญในประวัติศาสตร์ เพราะเป็นบริเวณพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ผู้เป็นทั้งนักปกครอง นักปราชญ์ นักรบ และราชศิลปินของไทย ดังประวัติศาสตร์โดยย่อดงันี้
เมื่อ พ.ศ. 2303 สมเด็จพระเจ้าเอกทัศน์ ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ให้นายทองด้วงเป็นหลวงยกกกระบัตรเมืองราชบุรี และเมืองสมุทรสงคราม เป็นเมืองจัตวา อยู่ในพื้นที่ขึ้นตรงต่อกรุงศรีอยุธยา เมื่อมารับราชการอยู่เมืองราชบุรีไม่นาน หลวงยกกระบัตรก็ได้พบกับคุณนาค บุตรีเศรษฐีใหญ่เขตบางช้างเมืองสมุทรสงคราม พระราชวงศ์เธอกรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ ทรงเล่าไว้ในสามกรุงว่า "ทรงได้ยินผู้ใหญ่เล่าว่า ครั้นนั้นมีข้าหลวงจากในกรุงออกมาสืบหาบุตรสาวของผู้ดีมีตระกูล และมีลักษณะสวยงาม เพื่อจะนำไปเป็นพระสนมของสมเด็จพระเจ้าเอกทัศน์ คุณนาคนี้ มีคุณสมบัติจึงถูกจดชื่อไว้ด้วยคนหนึ่ง ท่านทอง ท่านสั้น บิดามารดาของคุณนาควิตกมาก เพราะไม่ต้องการให้บุตรสาวไปเป็นพระสนม จึงชวนพระสมุทรสงคราม เจ้าเมืองสมุทรสงครามลูกผู้พี่ของท่านสั้น เข้าไปปรึกษาหลวงพินิจอักษร ชื่อเดิมว่าทองดี รับราชการเป็นเสมียนตรากรมมหาดไทยสมัยนั้น หลวงพินิจอักษรเห็นว่า มีทางแก้ไขประการเดียว คือ รีบแต่งานกับหลวงยกกกระบัตรเมืองราชบุรี บุตรชายของตน ท่านทองกับท่านสั้นก็เห็นด้วย จึงรีบจัดพิธีแต่งงานและปลูกบ้านใหม่บริเวณวัดอัมพวันเจติยารามปัจจุบัน"
ในปี พ.ศ. 2308 พม่าได้ยกทัพมารบกับกรุงศรีอยุธยาอีก คราวนี้เข้าตั้งทัพที่ราชบุรี ในกรุงส่งทหารมาขับไล่แต่ถูกพม่าตีกลับ หลวงยกกระบัตรต้องรีบเกณฑ์คนส่งไปเป็นทหารในกรุง แล้วส่งเสบียงแก่กองทัพบก ทัพเรือตลอดเวลา พม่าตั้งทัพออยู่นาน 6 เดือน สร้างความเดือดร้อนแก่ชาวเมืองสมุทรสงครามมาก พม่าล้อมกรุงไม่นานก็ยกทัพกลับไป ก่อนกลับได้ตั้งกองกำลังไว้ที่ค่ายโพธิ์สามต้นกรุงศรีออยุธยา และที่ธนบุรี ต่อมาอีก 7 เดือน กองทัพพม่าถูกสมเด็จพระเจ้าตากสินตีแตก ในเวลาอันรวดเร็ว และได้รวบรวมผู้คนไว้เป็นปีกแผ่น ประกาศให้ชาวเมืองทราบถึงสถานการณ์บ้านเมืองเข้าสู่ภาวะปกติ รีบกลับบ้านเรือนลงมือประกอบอาชีพโดยด่วน หลวงยกกระบัตรเมืองราชบุรี ได้ย้ายครอบครัวของตนและผู้มาพึ่งพาอาศัยทั้งหมด กลับมาอยู่ที่บ้านเดิมอัมพวา ขณะนั้นคุณนาคครรภ์แก่มากแล้ว วันพุธ ขึ้น 7 ค่ำ เดือน 4 ซึ่งตรงกับวันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2310 คุณนาคคลอดบุตรเป็นชายได้รับการตั้งชื่อว่า "ฉิม" ซึ่งบุคคลผู้นี้ต่อมา คือ พระบาทสมเด็จพรุพทธเลิศหล้านภาลัย พระมหากษัตริย์ที่มีความเฉลียวฉลาดเก่งกาจหลายด้าน และในปีเดียวกันนี้เอง แรม 12 ค่ำ เดือน 10 ท่านแก้ว พี่สาวหลวงยกกระบัตรเมืองราชบุรี และเจ้าสัวผู้เป็นสามีได้อพยพเข้ามาอยู่ด้วยได้คลอดบุตร คนที่ 4 เป็นหญิง ตั้งชื่อว่า "บุญรอด" ต่อมามีบุญบารมีได้เป็นอัครมเหสีในรัชกาลที่ 2 และมีพระราชโอรสได้เสวยราชสมบัติเป็นพระเจ้าแผ่นดินถึง 2 พระองค์อีกด้วย
เมื่อสมเด็จพระเจ้าตากสิน ทรงสถาปนาเมืองธนบรีขึ้นเป็นราชธานี และเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติในปี 2311 แล้วได้โปรดเกล้าฯ ปูนบำเหน็จแม่ทัพนายกอง ครั้งนั้นหลวงยกกระบัตรฯ ได้เข้ามาถวายตัวรับราชการด้วย จึงอพยพครอบครัวพร้อมคุณนวลน้องสาวคุณนาค ครอบครัวท่านแก้วเดินทางเข้ามาอยู่ในกรุงธนบุรี ได้รับพระราชทานที่ข้างวัดระฆัง (อู่ทหารเรือขณะนั้น) ให้ปลูกบ้านใกล้พระราชวังและได้รับพระราชทานโปรดเกล้าฯ เลื่อนหลวงยกกระบัตร เป็นพระราชวรินทร์ เจ้ากรมตำรวจนอกขวา แล้วได้เลื่อนขึ้นไปสูงเรื่อย ๆ จนได้เป็นเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก และได้ปราบดาภิเษกเป็น พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รัชกาลที่ 1 แห่งราชวงศ์จักรี และทรงสถาปนาสมเด็จพระยาสุรสีห์ เป็นพระมหาอุปราช กรมพระราชวังบวรสถานมงคล















ประวัติค่ายบางกุ้ง


เดิมที ค่ายบางกุ้ง เป็นค่ายทหารเรือมาตั้งแต่สมัยของ สมเด็จพระเจ้าเอกทัศ พระมหากษัตริย์แห่ง กรุงศรีอยุธยา มีความสำคัญไม่น้อยไปกว่ากองทหารอื่นๆ ในการต่อต้านกองทัพของข้าศึกที่ยกพลเข้ามาตีหัวเมืองรอบนอก รวมถึงหมายจะยึดเมืองหลวงไว้ด้วยเช่นกันในสมัยนั้น ทว่าจนแล้วจนรอดความรุ่งเรืองที่เคยสั่งสมมาก็ถึงคราวดับสูญเมื่อ กรุงศรีอยุธยาแตกเป็นครั้งที่ 2 ค่ายแห่งนี้ก็ถูกทิ้งร้างมาชั่วระยะเวลาหนึ่ง จนเมื่อคราว สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงกอบกู้เอกราชได้สำเร็จจึงโปรดให้มีการรวบรวมพลพรรคชาวจีนจากเมืองต่างๆ ทั้ง ระยอง ชลบุรี ราชบุรี และกาญจนบุรี มาเป็นกองทหารรักษา ค่ายบางกุ้ง หรือในอีกชื่อเรียกว่า ค่ายจีนบางกุ้ง นั่นก็เนื่องมาจากเหตุผลนี้เอง และแม้ว่าช่วงเวลาหลังจากที่ พระเจ้าตากฯ โปรดให้ชาวจีนมารวมกันยังค่ายแห่งนี้แล้ว ยังจะต้องเผชิญกับศึกสงครามน้อยใหญ่มากครั้งก็ตามที แต่ในที่สุดก็ผ่านพ้นวิกฤตต่างๆ มาได้จนกระทั่งปัจจุบัน
โดยในวันที่เรามีโอกาสไปเยือนค่ายแห่งนี้สิ่งหนึ่งที่สร้างความสะดุดตาให้ใน ทันทีคงจะเป็นอื่นไปไม่ได้นอกจาก โบสถ์ปรกโพธิ์ ซึ่งแม้ว่าเมื่อยืนมองห่างๆ อาจจะดูไม่รู้ว่าอันที่จริงแล้วภายใต้ร่มเงาของกิ่งก้านใบและรากไม้ที่ เลื้อยขึ้นหนาแน่นอยู่นั้นจะมีโบสถ์ซึ่งเป็นเสมือนไข่ในหินอย่างไรอย่างนั้น หรือถ้าใครจะบอกว่าบรรดา ต้นโพธิ์ ต้นไทร ต้นไกร และ ต้นกร่าง ที่ยืดเหยียดตัวทำหน้าที่เป็นผนังและหลังคาของโบสถ์ก็คงไม่ผิดนัก แต่น่าแปลกก็ตรงที่หน้าต่างด้านข้างของโบสถ์กลับเหลือช่องให้สามารถมอง ผ่านกรอบภาพที่รังสรรค์โดยธรรมชาติเข้ามาเห็น หลวงพ่อนิลมณี พระพุทธรูปขนาดใหญ่องค์สีทองอร่าม ซึ่งประดิษฐานอยู่พร้อมกับภาพเขียนฝาผนังที่เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธ ประวัติต่างๆ แม้ว่าบางส่วนอาจเลือนรางไปตามกาลเวลา ทว่าก็ยังมากด้วยความน่าสนใจอยู่ดี กระทั่งเดินเข้านอกออกในชื่นชมความมหัศจรรย์ของโบสถ์หลังนี้อยู่หลายรอบ จนบอกได้คำเดียวว่าสุดยอด ว่าแต่จะสุดยอดอย่างไรก็ต้องลองมาพิสูจน์กันดู






แม่กลองเมืองแห่งประวัติศาสตร์

เมืองเล็กๆ มีขนาดพื้นที่เล็กที่สุดของประเทศ คือประมาณ ๔๑๖.๗ ตารางกิโลเมตร ทั้งยังมีจำนวนประชากรน้อยที่สุดเป็นอันดับ ๒ ของประเทศ
เมือง "แม่กลอง" เเป็นแผ่นดินที่เกิดขึ้นจากการทับถมของโคลนตะกอนบริเวณ ปากแม่น้ำ เกิดเป็นที่ดอนจนกลายมาเป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำขนาดใหญ่ แต่เดิมสันนิษฐานว่าเป็นแขวงหนึ่งของจังหวัดราชบุรี มีชื่อเรียกว่า “สวนนอก” มีมาตั้งแต่อดีต นานเท่าใดไม่ปรากฏหลักฐาน แต่เป็นชุมชนที่มีมาก่อนสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ครั้นต่อมาช่วงปลายกรุงศรีอยุธยาต่อกับสมัยกรุงธนบุรี ถูก แยกออกจากจังหวัดราชบุรี เรียกว่า “เมืองแม่กลอง”
..เมืองพระราชสมภพของรัชกาลที่ ๒..
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ รัชกาลที่2
เมื่อ พ.ศ. ๒๓๐๓ สมเด็จพระเจ้าเอกทัศน์ ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ให้นายทองด้วงเป็นหลวงยกกกระบัตรเมืองราชบุรี และเมืองสมุทรสงคราม เป็นเมืองจัตวา อยู่ในพื้นที่ขึ้นตรงต่อกรุงศรีอยุธยา เมื่อมารับราชการอยู่เมืองราชบุรีไม่นาน หลวงยกกระบัตรก็ได้พบกับคุณนาค บุตรีเศรษฐีใหญ่เขตบางช้างเมืองสมุทรสงคราม
ในปี พ.ศ. ๒๓๐๘ พม่าได้ยกทัพมารบกับกรุงศรีอยุธยาอีกครั้ง คราวนี้เข้าตั้งทัพที่ราชบุรี กรุงศรีส่งทหารมาขับไล่แต่ถูกพม่าตีกลับ หลวงยกกระบัตรต้องรีบเกณฑ์ชายหนุ่มส่งไปเป็นทหารในกรุง แล้วส่งเสบียงแก่กองทัพบก ทัพเรือตลอดเวลา
ทัพพม่าตั้งทัพออยู่นาน ๖ เดือน สร้างความเดือดร้อนแก่ชาวเมืองสมุทรสงครามมาก พม่าล้อมกรุงไม่นานก็ยกทัพกลับไป ก่อนกลับได้ตั้งกองกำลังไว้ที่ค่ายโพธิ์สามต้นกรุงศรีออยุธยา และที่ธนบุรี ต่อมาอีก ๗ เดือน กองทัพพม่าถูกสมเด็จพระเจ้าตากสินตีแตก ในเวลาอันรวดเร็ว และได้รวบรวมผู้คนไว้เป็นปีกแผ่น ประกาศให้ชาวเมืองทราบถึงสถานการณ์บ้านเมืองเข้าสู่ภาวะปกติ รีบกลับบ้านเรือนลงมือประกอบอาชีพโดยด่วน
การจัดรูปแบบการปกครองจังหวัดสมุทรสงคราม จากอดีตสู่ปัจจุบัน
ด้านการปกครองจังหวัดสมุทรสงครามนั้น ก่อนวันที่ ๑ เมษายน ๒๔๓๕ สมุทรสงครามมีการปกครองเหมือนกับหัวเมืองทั่วไป คือ มีเจ้าเมืองปกครองเป็นอิสระ ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๔๓๕ สมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ทรงโปรดเกล้าฯ เปลี่ยนแปลงระเบียบบริหารราชการแผ่นดินใหม่ กล่าวคือ ในส่วนกลางได้จัดตั้งกระทรวงต่าง ๆ ในส่วนภูมิภาคได้จัดตั้งมณฑลเทศาภิบาลขึ้น และในปี พ.ศ. ๒๔๗๓ ได้ตั้งมณฑลราชบุรี โดยรวมหัวเมืองต่าง ๆ เข้าด้วยกัน ๕ เมือง คือ เมืองราชบุรี กาญจนบุรี เมืองเพชรบุรี เมืองปราณบุรี และเมืองสมุทรสงคราม
ต่อมาได้พระราชบัญญัติระเบียบราชการบริหารราชการ แห่งราชอาณาจักรสยาม พุทธศักราช ๒๔๗๖ ซึ่งได้จัดระเบียบราชการส่วนภูมิภาคไว้เป็นจังหวัด และอำเภอ อันเป็นการยกเลิกมณฑลเทศาภิบาลไป เป็นการแบ่งเขตจังหวัด ขึ้นตรงต่อบริหารราชการส่วนกลาง ดังนั้น ปัจจุบันสมุทรสงคราม จึงมีฐานะเป็นจังหวัดหนึ่งของประเทศไทย ประกอบด้วยอำเภอต่าง ๆ รวม ๓ อำเภอด้วยกัน คือ อำเภอเมืองสมุทรสงคราม อำเภออัมพวา และอำเภอบางคนที
โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ ที่ส่งมาจากส่วนกลาง กระทรวงมหาดไทยและมีคณะกรรรมการจังหวัด ช่วยบริหารงานให้ประชาชน มีความเป็นอยู่อย่างสงบสุขและเรียบร้อย

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ป้ายอำเภอบางคนที     à¸£à¸¹à¸›à¸ à¸²à¸žà¸—ี่เกี่ยวข้อง  à¸œà¸¥à¸à¸²à¸£à¸„้นหารูปภาพสำหรับ ป้ายยินดีอำเภอเมืองสมุทรสงคราม

ถึงแม้ว่าจังหวัดสมุทรสงครามจะเป็นเมืองเล็กๆ แต่ก็มีที่ท่องเที่ยว แหล่งเรียนรู้ วัฒนธรรม วิถีชีวิตชาวบ้านให้ได้ชมกันอยู่อย่างหลากหลาย จังหวัดใกล้ๆกรุงเทพแบบนี้ต้องมาชมซื้อของฝากติดไม้ติดมือกันไปเป็นที่ระลึกบ้างสักสองสามชิ้น ถ่ายรูปเช็คอิน ตลาดน้ำสวยๆก็ไม่แพ้จังหวัดอื่นเลย

วันศุกร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2562

8 ที่ฮิตในอัมพวาที่คุณต้องไปเช็คอิน

สมุทรสงครามเมืองลำน้ำแห่งการท่องเที่ยว ถึงจะมีที่ท่องเที่ยวในกรุงเทพเพิ่มขึ้นบ่อยๆจนลืมจังหวัดเล็กๆที่โดดเด่นในเรื่องวัฒนธรรม วิถีชีวิต ประเพณี ให้เราได้ชมท่องเที่ยวอยู่เสมอ  8 ที่เที่ยวยอดฮิตในจังหวัดสมุทรสงครามที่คุณต้องไปเช็คอิน




1. ตลาดร่มหุบ ชุมชนพ่อค้าแม่ค้าจำหน่ายของฝากและอาหารหลากหลาย จุดพิเศษของที่นี่ก็คือมีการค้าขายตรงบริเวณรางรถไฟ นักท่องเที่ยวมีเยอะแน่นทุกวันไม่ว่าจะต่างชาติหรือคนไทยก็มาเช็คอินที่นี่กันเยอะพอสมควร และที่พิเศษไปกว่านั้นก็คือ ตอนที่รถไฟมาพ่อค้าแม่ค้าก็จะเพียงแค่หุบร่มผ้าใบเท่านั้นพอรถไฟผ่านไปก็กางผ้าใบออกเหมือนเดิม จนเรียกติดปากกันว่าเป็น"ตลาดเสี่ยงตาย"


2.วัดบางกุ้ง เป็นหนึ่งใน Unseen Thailand เลยก็ว่าได้ จุดพิเศษของที่นี่เลยก็คือ มีต้นไทรขนาดใหญ่ล้อมรอบอุโบสถเอาไว้ มีความเก่าแก่กว่า200ปี อดีตที่นี่เคยเป็นค่ายบางกุ้ง ที่พระเจ้าเอกทัศน์ให้ตั้งกองทัพเรือมาก่อน และมีการอนุรักษ์เกิดขึ้นเลยอาจจะเห็นรูปปั้นคนสมัยก่อนที่กำลังซ้อมมวยอยู่ได้


3.ฟาร์มออคิท สวนกล้วยไม้และจับจ่ายของฝากอีกทั้งมีการสอนเรื่องการเคี่ยวน้ำตาล ที่นี่นักท่องเที่ยวเยอะมากพอสมควรเหมาะกับการมาเช็คอินสุดๆ ทั้งได้ความรู้และได้ของฝากน่ารักๆติดไม้ติดมือกันกลับบ้านอีกด้วย


4.ตลาดน้ำบางน้อย ตลาดแห่งวิถีชีวิตชุมชนชาวบ้าน การพายเรือขายของไม่ว่าจะอาหาร ผลไม้ หรือผักต่างๆที่ชาวบ้านปลูกเอง เสียงพ่อค้าแม่ค้าดังเจื้อยแจ้ว รอยยิ้มน่ารักๆเหมือนครอบครัวเดียวกัน เป็นตลาดน้ำอีกที่หนึ่งที่ต้องมานั่งทานอะไรเย็นๆถ่ายรูปสวยๆเช็คอินชิวๆพักผ่อนกันไปเลย


5.อุทรยานรัชกาลที่ 2 เป็นอุทรยานที่เป็นเอกลักษณ์ความเป็นไทยมากๆ ภายในมีอาคารเรือนไทย แสดงถึงวิถีชีวิตต่างๆของชาวพระนครในช่วงรัชสมัยของพระองค์ มีการจัดแสดงศิลปโบราณ ไม่ว่าจะเครื่องเบญจรงค์ เครื่องถ้วย ห้องชาย หรือหัวโขน เป็นสถานที่ยอดฮิตที่ที่หนึ่งที่ทุกคนมาที่นี่แล้วต้องมาเช็คอินเลยก็ว่าได้

6.ตลาดน้ำอัมพวา  เป็นตลาดน้ำที่ฮิตและฮอตที่สุดในสมุทรสงครามเลยก็ว่าได้นะ ที่นี่ของฝาก อาหารการกินเยอะมากๆ ของฝากไม่ต้องพูดถึง มีเรือสำหรับเช่าไปดูหิ่งห้อยหรือไหว้พระด้วย ถ้ามาสมุทรสงครามแล้วไม่มาเช็คอินที่อัมพวาถือว่ายังมาไม่ถึงนะ ตอนกลางคืนที่นี่สวยมาก นักท่องเที่ยวเยอะพอสมควร ห่างจากอุทรยานร.2แค่ไม่กี่เมตรเอง 


7.บ้านสารภี วิถีชาวบ้านเศรษฐกิจพอเพียงตามรอยพ่อหลวง  ที่นี่มีการสอนวิธีการเลี้ยงสัตว์ การปลูกพืชผักแบบแปลกใหม่ ความรู้เยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นการเลี้ยงไก่แบบชิงช้าสวรรค์หรือเลี้ยงเป็ดในตะกร้า การเพาะชำอื่นๆอีกที่น่าสนใจเยอะ เป็นแหล่งความรู้ขนาดใหญ่และไม่มาไม่ได้เลยกับบ้านสารภีแห่งนี้

8.ดำเนินพวา รีสอร์ทบ้านต้นไม้  ถึงที่พักผ่อนหย่อนใจกับรีสอร์ทริมน้ำแบบนี้ ไม่ไกลอัมพวามากด้วย พรุ่งนี้ตื่นมาเช็คเอาท์ไปเที่ยวตลาดน้ำดำเนินต่อได้แบบชิวๆเลยเพราะไม่ไกลมาก ห้องพักมีให้เลือกหลายห้องทั้งบ้านท่อ บ้านต้นไม้และฮอบบิท บริการดี ยิ้มแย้มแจ่มใสเป็นกันเอง รีสอร์ทถ่ายรูปมุมไหนก็สวย เป็นที่พักยอดฮิตที่หนึ่งในสมุทรสงครามเลยก็ว่าได้ น่ามาพักผ่อนเช็คอินอวดเพื่อนๆสุดๆ



วันพุธที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2562

ปล่อยชีวิตให้ช้าลงที่อัมพวา


อัมพวาเมืองแห่งการท่องเที่ยว สงบ และเต็มไปด้วยวิถีชีวิต ใช้ชีวิตในวันหยุดพักผ่อนอย่างช้าๆเนิบๆสบายๆ เก็บเอาความทรงจำทุกส่วนของที่นี่ และบรรยากาศที่หาไม่ได้จากที่ไหน เมืองเล็กๆที่น่าอยู่ ที่ท่องเที่ยวพักผ่อนเยอะมากมาย เพียงใช้ใจสัมผัสกับสิ่งที่เราชอบแค่นี้ก็สุขใจเปี่ยมล้น พร้อมชาร์จแบตได้เต็มที่แล้ว


การใช้ชีวิตในอัมพวาเพียงแค่ไม่กี่วันก็สามารถหลงรักที่นี่ได้ไม่อย่างน่าเชื่อ ผู้คนพลุกพล่านเต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข ความสวยงามของวัฒนธรรม ไม่น่าแปลกใจเลยว่าใครๆก็หลงรักในจังหวัดเล็กๆที่น่าอยู่แบบนี้


ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ รูปพระบิณฑบาตรทางน้ำ

การนั่งรถส่วนตัวจากกรุงเทพมาที่นี่นั้นเพียงแค่ 1 ชม. ก็มาถึงรีสอร์ทที่พัก ดำเนินพวา รีสอร์ทบ้านต้นไม้ ที่นี่มีความเป็นเอกลักษณ์ทั้งเรื่องห้องพักและวิวธรรมชาติ บริการที่เต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม
ป้ายด้านหน้ารีสอร์ทสวย ธรรมชาติมากๆ เมฆเต็มท้องฟ้า ด้านข้างเต็มไปด้วยต้นไม้ดูอบอุ่นไปหมด


ด้านในก็สวยไม้แพ้ด้านนอกเลยพี่พนักงานต้อนรับดีมาก ยิ้มแย้มอยู่ตลอด


ห้องพักมีให้เลือกเยอะมาก ติดแม่น้ำได้บรรยากาศ มีบริการเรือ รับ-ส่ง ตลาดน้ำอัมพวาด้วย



ป้ายทางขึ้นห้องสวยมากโดยเฉพาะตอนกลางคืน


เราเลือกพักบ้านต้นไม้เพราะมีติดริมน้ำด้วย


ด้านในห้อง มีห้องใต้หลังคาด้วย




 วิวด้านข้าง


สระว่ายน้ำสวย ร้อนๆแบบนี้น่าเล่นมากๆ


บ้านท่อของรีสอร์ทก็น่าพักไม่แพ้กัน


วิวสวยมากเหมือนอยู่ทะเล




ห้องสัมมนากว้างและใหญ่มาก


ทานข้าวริมน้ำ



บรรยากาศตอนเย็น




                                          


เรือรับ-ส่งตลาดน้ำอัมพวา ของรีสอร์ท


มาถึงตลาดน้ำกันแล้ว


คนเยอะมาก

รูปภาพที่เกี่ยวข้อง

ของกินเยอะมาก เดินชิวๆไม่เบื่อเลย
รูปภาพที่เกี่ยวข้อง

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ อาหารตลาดน้ำอัมพวา

อิ่มแล้วก็กลับถึงห้องพัก พักผ่อนอย่างมีความสุข


ตื่นเช้าเช็คเอาท์ออกจากห้องพัก 

เวลาเหลือไปเที่ยวตลาดน้ำดำเนินสะดวกต่อได้  ห่างกันไม่แค่กี่กิโลเอง


จบทริปนี้ด้วยการฝากท้องไว้ที่ร้านจั๊บร้านนี้ก็แล้วกัน